โมเดลลงทุนใน SET50 Index Futures ‘S50’ ด้วยการลงทุนแบบ ‘Swing Trend Hybrid’ ใช้การผสมผสานทางเทคนิคและปริมาณการซื้อขาย โดยเมื่อ ‘S50’ เป็นขาขึ้นโมเดลจะเน้นซื้อแล้วถือเป็นเทรนด์ใหญ่ เพื่อ Let Profit Run ให้ได้กำไรมากที่สุด

เนื่องจากเมื่อตลาดหุ้นเป็นเทรนด์ขาขึ้นราคาจะไม่เหวี่ยงมากจึงทำให้สามารถถือยาว เพื่อสร้างกำไรที่มากได้ แต่เมื่อตลาดเป็นขาลงส่วนมากราคาจะมีความผันผวนที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น โมเดลจะเปลี่ยนโหมดเป็น Swing Trade โดยเน้นจุด Take Profit และ Stop Loss เป็นหลัก

โมเดลนี้เหมาะกับนักลงทุนที่ชอบความหวือหวาและเทรดบ่อยๆ อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ตลาดมีการเปลี่ยนเทรนด์อย่างฉับพลันอาจจะทำให้โมเดลมีการขาดทุนได้เยอะเช่นกัน

โมเดลลงทุนใน SET50 Index Futures ‘S50’ ด้วยการลงทุนแบบ ‘Breakout’ โดยที่โมเดลจะเปิด Long เมื่อราคาทะลุแนวต้านขึ้นและเปิด Short เมื่อราคาทะลุแนวรับลง หลังจากเปิด Position แล้วโมเดลจะถือรันเทรนด์ เพื่อ Let Profit Run ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะ มีการเปลี่ยนเทรนด์

โมเดลนี้จะสามารถทำกำไรได้ดีในกรณีที่ตลาดมีแนวโน้มขึ้นหรือลงที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามในสภาวะที่ตลาดมีผันผวนและมีแนวโน้มที่ไม่ชัดเจน ตัวโมเดลจะมีโอกาสสูงที่จะเกิด การขาดทุนจากสัญญาณหลอกหรือ False Signal ได้เช่นกัน

ดังนั้น โมเดลนี้เหมาะกับนักลงทุนที่สามารถลงทุนในระยะยาว เพื่อรอจังหวะที่ตลาดวิ่ง เป็นเทรนด์ในการสร้างกำไร

โมเดลลงทุนใน SET50 Index Futures ‘S50’ ด้วยการลงทุนแบบ ‘Momentum’ โดยใช้เทคนิคของแนวโน้มและปริมาณการซื้อขายในการเปิด position ซึ่งโมเดลจะเน้นลงทุนตาม Momentum ของ Index เป็นหลัก

ซึ่งหากตลาดโดยรวมมี Momentum เป็นขาขึ้นโมเดลก็จะหาจังหวะเปิด Long แต่หากตลาดมี Momentum เป็นขาลงโมเดลก็จะเน้นเปิด Short เป็นหลัก ซึ่งอาจจะมีบางช่วงที่ Momentum มีการเปลี่ยนแปลงกลับไปกลับมาบ่อยครั้ง ทางโมเดลจะนำปริมาณการซื้อขาย เข้ามากรองเพื่อลดสัญญาณหลอกที่จะทำให้เกิดการขาดทุน จึงทำให้โมเดลนี้มีการซื้อขายไม่บ่อยนัก

ดังนั้น โมเดลนี้จึงเหมาะกับนักลงทุนที่ชอบจับจังหวะในการซื้อขายและมีการคัดเลือกสัญญาณเข้า ที่มี Win Rate ที่สูงเท่านั้น

โมเดลลงทุนใน SET50 Index Futures ‘S50’ ด้วยการลงทุนแบบ ‘Hedging SET50 Index’ โดยใช้สัญญาณทางเทคนิคร่วมกับปริมาณการซื้อขายเพื่อหาจังหวะตลาดที่กำลังจะลงแรงเพื่อ ทำการเปิด Open Short Position ซึ่งโมเดลจะทำการเปิด Short เฉพาะขาลงเพียงอย่างเดียว

เพื่อให้นักลงทุนสามารถนำไปใช้ใน Hedge Position หุ้นในพอร์ตหลักได้ การทำงาน ของโมเดลจะตั้งระดับราคาสำหรับการทำกำไร (Take Profit) และตัดขาดทุน (Stop Loss) ในทุกๆ Positions เพื่อลดความเสี่ยงเมื่อโมเดลมีการจับจังหวะที่ผิดพลาด

โมเดลนี้เหมาะกับนักลงทุนที่ลงทุนในพอร์ตหุ้นเป็นหลักและไม่ต้องการขายหุ้นออกมา แต่สามารถมาใช้การ Short ‘S50’ แทนในการป้องกันความเสี่ยงของตลาดขาลง

โมเดลลงทุนใน SET50 Index Futures ‘S50’ ด้วยการลงทุนแบบ ‘Trend Following’ โดยที่โมเดลให้ความสำคัญกับแนวโน้มของราคาเป็นหลัก จากการคำนวน Score ออกมาเพื่อ ประเมินว่า ‘S50’ อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง และมีความแข็งแกร่งขนาดไหน

หาก ‘S50’ อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นและมีคะแนนมากจะทำการ Open Long แต่ถ้าคะแนน อยู่ในแนวโน้มขาลงก็จะทำการ Open Short ซึ่งการออก Position ของโมเดลนี้จะเน้นช้าแต่ชัวร์ จึงทำให้โมเดลนี้จะมีการเทรดไม่บ่อยแต่แลกมากับความแม่นยำในการทำกำไรที่สูง

ดังนั้น โมเดลนี้จึงเหมาะกับนักลงทุนที่เทรดไม่บ่อย แต่ทุกครั้งที่เปิด Position ต้องทำกำไรให้ได้ เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม โมเดลก็ยังมีความเสี่ยงถ้าตลาดมีการเปลี่ยนแนวโน้มอย่างฉับพลัน อันเกิดจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันที่ส่งผลกระทบต่อตลาด อย่างเช่น โรคระบาดหรือสงคราม